วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2551

ถ้ำเขาบิน

ตำนาน...ถ้ำเขาบิน
จากปัจจุบันย้อนหลังไปประมาณ 60-70 ปีเศษบริเวณป่าเขาบินและใกล้เคียง ยังรกทึบอยู่ มีต้นไม้น้อยใหญ่อยู่มากมาย เช่น เต็งรัง เทียงพรวง, ตะแบก, ตะเคียน,ไม้แดง, ประดู่, มะค่าโมง, มะค่าแต้(ไม้เจริญสุข) ป่าไผ่,ป่ารวก,และไม้อื่นๆ ฯลฯ ในป่าแห่งนี้มีสัตว์ป่าเล็กใหญ่ต่างๆ อาศัยอยู่ชุกชุมมาก เช่น ไก่ป่า,ไก่ฟ้าพญาลอ กระต่ายป่า, เก้ง, หมูป่า, เสียงผา,เสือดำ,เสือดาว, เสือกรูด,เสือเหลือง, เสือโคร่ง, เม่น, งูตัวใหญ่ๆ และสัตว์ เลื้อยคลานอื่นๆ อีกมากมาย ตลอดถึงนกยูง ก็มีเป็นฝูง ข้าฯยังเคยล่ามันมากินอยู่บ่อยครั้ง เห็นตัวมันใหญ่ดี เนื้อมาก โดยไม่คิดว่าเป็นการเบียดเบียนมัน นอกจากข้าฯ แล้วก็ยังมีพรานป่าล่าสัตว์จากถิ่นอื่นก็เข้ามาล่ามันจนสูญพันธ์ ในที่สุด หากเป็นในปัจจุบันข้าฯ จะไม่ทำโดยเด็ดขาด และข้าฯเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็ก-ใหญ่ มานานเกือบ 30 ปีเพื่อนบ้านหลายคนทราบดี ข้าฯรู้สึกเสียใจที่ทำไปโดยคึกคะนอง รู้เท่าไม่ถึงการณ์อยู่จนทุกวันนี้
เขาบินเป็นถิ่นศักดิ์สิทธิ์ เขาบินเป็นแดนมหัศจรรย์ซึ่งผู้ใดจะลบหลู่ดูหมิ่นไม่ได้ ข้อนี้ คนในพื้นที่และคนที่ใช้เส้นทางนี้ผ่านป่าถ้ำเขาบิน ซึ่งเป็นทางเดียวที่ใช้ เช่น ชาวจอมบึง, สวนผึ้ง กะเหรี่ยงจาก เทือกเขาตะนาวศรี เดินทางเข้าเมืองราชบุรี ทราบดีถึงความศักดิ์สิทธิ์และความเฮี้ยนต้องเคารพมุกครั้งไปโดยปักธูป ปักกิ่งไม้เสมอ ไม่พูดจาหยาบคาย เล่นพิเรนทร์ต่างๆ หากขืนทำต้องมีอันเป็นไปต่างๆ เพื่อนของข้าฯ เคยร้องหนังตะลุง หยาบคายสัปดน ปากเบี้ยวทันตาเห็นมาแล้ว กลับไปบ้านอาข้าฯ ถามทราบเหตุ ก็จุดธูปขอขมาก็หายเป็นปลิดทิ้งโดยไมต้องทายาแต่ประการใดเลยเพื่อนข้าฯ คนนั้นชื่อนายม้วน เสียชีวิตนานแล้ว มันเข็ดจนตาย อีกเรื่องหนึ่งก็คือคนเดินเกวียน เมื่อเกวียนผ่านถ้ำป่าเขาบิน วัว,ควายเทียมเกวียน มันเก, มันดื้อบ้าง อย่างคำสาปแช่ง เช่นให้เจ้าพ่อหักคอให้เสือกิน ก็จะเป็นไปตามนั้นไม่พ้นป่าถ้ำเขาบินเลย
ข้าฯ คลุกคลีกับเขาบินมาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าโตมาได้เพราะเขาบินมาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าโตมาได้เพราะเขาบินก็ว่าได้ เป็นเด็กเลี้ยงวัวก็อาศัยเขาบิน ตัดไม้ตัดฝืนเผาถ่าน ต่างก็อาศัยเขาบินมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เขาเหมือนกับหลายคนในเขตใกล้เคียง ต่างก็อาศัยเขาบินเลี้ยงชีวิตเช่นกัน เขาบินในอดีตนั้นปู่ข้าฯ เล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านแถบนี้เรียกว่า “เขาบิน” เพราะถ้ามองยอดเขาบิน ยอดเขาจะไม่แหลมเลย ลักษณะเหมือนบิ่นแต่ต่อมา ชื่อเขาบิ่นเพี้ยนมาเป็นเขาบินจนถึงปัจจุบันเพราะวรรณยุกต์เอกหายไป แต่มิได้หมายความว่าเขาหินบินได้แต่ประการใดเลย เขาบินนั้นนอกจากเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านาๆ ชนิดแล้ว ก็ยังเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ทำไร่เลื่อนลอย กันทั่วไปปลูกข้าว ปลูกกระทุ้ง, ข้าวโพด, แตงโม ฟักแฟง, ฟักทอง,พริกมะเขือ ถั่วต่างๆ เป็นต้น เอาไว้กินไว้ขาย-แลกเปลี่ยนสิ่งของตามในเมือง หรือตามตลาดนัดในสมัยนั้น เช่น ตลาดนัดท่าฝาง ตลาดนัดห้วยตะแคง ตลาดนัดโรงช้างเมืองราชบุรี โดยหาบเดินเท้า หรือ บรรทุกเกวียนเดินทางกันเป็นกองคาราวาน เดินทางกันตั้งแต่ดึกดื่นกลับถึงที่อยู่อาศัยก็มืดค่ำเช่นนี้ เขาบินในขณะนั้นแม้ป่าจะอุดมสมบูรณ์ก็ตาม ป่าก็คือป่า มักขาดแคลนน้ำเป็นประจำ เขาบินก็เป็นอย่างนั้น ชาวไร่ทุกครอบครัวลำบากมาก ต้องไปหาน้ำมาดื่มมาใช้ แถวบ้านทุ่งน้อยบ้าง บ้านปากช่องบ้าง ในช่วงฤดูแล้ง และต้องไปรอเข้าคิวช้อนน้ำซึมบ่อทรายครั้งละครึ่งขันกว่าจะได้มา มีอยู่ครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวชื่อ “โค่” ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าตาโค่ ร่างกายแข็งแรงอายุขณะนั้นประมาณ 60-70 ปี ด้วยความลำบากเรื่องไม่มีน้ำกินกอร์ปกันไม่รู้จะพึ่งใครและแกเองก็เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ความเฮี้ยนของเจ้าพ่อเขาบิน* อยู่มาบ่ายวันหนึ่ง หลังจากตาโค่ ทำงานในไร่จนเหนื่อย ยังจะต้องไปตักน้ำที่ไกลๆอีก แกคิดถึงเจ้าพ่อเขาบินคงช่วยได้ คิดดังนั้นแล้วยกมือไหว้ท่วมหัวปากก็เอ่ยว่าเจ้าพระคุณเอ๊ย เจ้าพ่อช่วยลูกช้างด้วย มีน้ำที่ไหนบอกลูกช้างที ลูกช้างจะอดน้ำตายอยู่แล้ว และก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียในขณะหลับกลางวันฝันไปว่า เจ้าพ่อเขาบินเข้าฝันบอกว่าลูกเอ๊ยเอ็งไม่ต้องกลัวอดน้ำตายหร็อก น้ำในถ้าเขาบินเยอะแยะไป ในฝันตาโค่ ถามเจ้าพ่อว่าแล้วลูกช้างจะหาเจอได้อย่างไรว่าบ่อน้ำอยู่ตรงไหนเอ็งจำที่กูบอกให้ดี กูจะทำเครื่องหมายให้มึงจำได้มึงไปเปิดเอากูปิดไว้ เมื่อตาโค่สดุ้งตื่นขึ้นมารีบนำกระบอกปีนขึ้นเขาเข้าถ้ำเขาบิน ตามเจ้าพ่อบอกในฝัน ซึ่งก็ลำบากมากต้องไต่เถาวัลย์ จุดคบเพลิงเข้าไป เมื่อไปถึงบริเวณทางเข้าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แกจำได้ติดตาลองเคาะดู หินย้อยที่ปิดอยู่บางๆหลุดออกโดยง่ายพอคนลอดเข้าไปได้ ตาโค่ดีใจดีที่สุด และตักน้ำในถ้าเขาบินมาดื่มกินเป็นประจำ และเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าพ่อเขาบินมอบให้ ยิ่งนานวันข่าวก็แพร่สะพัดออกไปว่าในถ้าเขาบิน มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตักไม่แห้งด้วยศรัทธาในความเฮี้ยนของเจ้าพ่อ ความมหัศจรรย์ความลึกลับของถ้ำเขาบิน ชาวบ้านทั่วไป เมื่อเกิดโรคระบาด เช่น ฝีดา เป็นไข้ป่า หรือโรคตาแดงตาต้อ เป็นต้น ต่างก็มาน้ำในถ้ำเขาบิน ไปดื่มกินไปล้างหน้า ไปอาบแทนน้ำมนต์ โรคดังกล่าวก็หายเรื่องความลึกลับมหัศจรรย์ ของถ้ำเขาบินยังมีอีกคือ เพื่อทางราชการได้กำหนดให้พื้นที่ป่าเขาบิน เป็นป่าสงวนแห่งชาติและได้ทำการปลูกไม้มะฮ็อกกะนี ก็ส่งเจ้าหน้าที่มาเฝ้าดูแลอยู่หนึ่งครอบครัว ปลูกบ้านอยู่แถวๆ ค่ายลูกเสือเขาบินในปัจจุบัน หน.ครอบครัวเป็นคนธรรมะธัมโม แกเป็นคนเคยบวชเรียนนานชื่อ นายวน เจียมอ่อน(เสียชีวิตนานแล้ว)เคยเล่าให้ข้าฯ ฟังว่า วันดีคืนดี เช่นวันนักขัตตฤกษ์ วันตรุษสงกรานต์ หรือวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำ จะได้ยินเสียงดนตรีปี่พาทย์ลาดตะโพนดังแว่วจากในถ้ำเป็นประจำอีกตามเชื่อหนึ่งของชาวบ้านเชื่อว่าในถ้ำเขาบิน เป็นที่อยู่ของชาวลับแลเคยมีชาวต่างชาติค้นหา และสำรวจภายในถ้ำเขาบินสมัยที่ข้าฯ ยังเป็นเด็กอยู่มีกันประมาณ 3-4 คนในจำนวนนี้มีคนไทย 1 คน แต่ข้าฯ ไม่รู้ว่าเขาค้นหาอะไรกัน ในเวลาต่อมาพ่อเมืองราชบุรี ชาวบ้านเรียกว่า “ข้าหลวงแม้น”ได้ยินคำเล่าลือว่าถ้ำเขาบินสวยงาม เนื้อที่ในถ้ำกว้างใหญ่ คิดเป็นเนื้อที่หลายไร่ และมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ตักไม่แห้งด้วยก็คิดพัฒนาถ้ำเขาบินเป็นแห่งท่องเที่ยว และได้ร่วมกับกรมการทหารช่าง สั่งหน่วยทหารช่างมาเจาะปากถ้ำระเบิดหินปากถ้ำให้เตี้ยลงมาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และในการพัฒนาถ้ำเขาบินในขณะนั้นคณะเจ้าหน้าที่จังหวัดราชบุรีทราบข่าวว่าข้าฯ เคยพบปล่องทะลุถ้ำเขาบิน ก็ติดต่อให้ข้าฯ นำชี้ปล่องทะลุแต่ปล่องทะลุที่ข้าฯ เคยพบนั้น ก็เป็นการพบโดยบังเอิญ ด้วยความซุกซนชอบปีนป่าย ช่องทะลุที่พบนั้นกว้างพอตัวคนลอดได้ ต้องปีนขึ้นไปด้านบนจึงเห็นแต่ถ้ายืนอยู่พื้นถ้ำด้านล่างจะมองไม่เห็นแสงสว่างภายนอกส่องลอดเข้ามาเลยแต่น่าเสียดายช่วงนั้นเป็นฤดูฝน หินย้อยตรงนั้นลื่นและสูงมาก ข้าฯ ขึ้นไม่ได้ และปัจจุบันนี้ปล่องทะลุนั้นหินย้อยงอกจากพื้นถ้ำยันถึงด้านบนปิดช่องเสียแล้ว อย่างไรก็ตามข้าฯ ก็ยังภูมิใจที่ในเขตหมู่บ้านของข้าฯ มีสมบัติอันล้ำค่าที่ธรรมชาติสร้างให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ในตำบลหินกองของข้าฯ โดยที่อื่นไม่มี หรือ มีก็ไม่เหมือนถ้ำเขาบินต้องขอขอบพระคุณ ข้าหลวงแม้น พ่อเมืองราชบุรีในอดีตและจนท. พร้อมทั้งกรมการทหารช่างทั้งอดีตและปัจจุบันทุกหน่วยงานที่ร่วมกันพัฒนาถ้ำขาบินให้คนทั่วโลกได้ชมความงามอันวิจิตรตระการตาและมหัศจรรย์ยิ่งนัก